ความเห็นที่ 389
|
|
ลงวันที่ |
: |
15/08/11 |
ลงเวลา |
: |
15:00:49 |
|
:: แสดงข้อความ และ code
::
หวัดดีเพื่อนๆ ดีใจจังที่แมวกลับมาได้แล้ว แต่ปื๊ดจะกลับได้หรือเปล่าก็ยังสงสัยอยู่ ถึงเธอจะบอกว่าไม่ได้ไปไหน แต่ก็หายไปนานจนน่าเป็นห่วง ส่วนสถาพรไม่ต้องเป็นห่วง เพราะธุระยังเยอะ ว่างเมื่อไหร่ก็คงกลับมาได้เหมือนเดิม ------------------------- สำหรับเรื่องสั้นวันแม่นั้น ผู้กำกับเค้าติดต่อขอเค้าโครงเรื่องจากที่ปีย์เคยโพสต์ไว้ในเนท ลองอ่านกันดูก่อนละกัน กล่าวคือ *** *** *** [b]แม่ผมเป็นอัลไซเมอร์ครับ ...[/b]
เช้าตรู่วันหนึ่ง ขณะที่ผมนอนขดกายอยู่บนตั่งไม้หลังใหญ่ของบ้าน บนฟูกนั้นมีเพียงหมอนแต่ไร้ผ้าห่ม เพราะผมไม่ได้ตระเตรียมใจว่า ลมหนาวจะพัดมาแทนที่อากาศร้อนชื้นของปลายฝนในคืนนี้
ผมข่มตาให้ปิดลงแต่ยังไม่หลับสนิทดี และยังไม่ได้หลับมาทั้งคืน เพราะต้องดูแลคุณแม่ตั้งแต่หัวค่ำเป็นต้นมา เพราะท่านไม่ยอมพักผ่อน ท่านมีอาการคุ้มคลั่งในแบบสาหัสสากรรจ์ที่สุดในชีวิตที่ผมเคยเห็นมาตลอดทั้งคืน
เริ่มจากการพูดพึมพำอยู่คนเดียว เหมือนคุยอยู่กับใครสักคนที่เรามองไม่เห็น แต่คนๆ นั้นในจินตนาการท่าทางจะมาแบบไม่สู้ดี ทำให้คุณแม่ผมโมโหและชี้หน้าด่าอย่าสาดเสียเทเสีย ต่อมาท่านเริ่มทำลายข้าวของ และขว้างปาทุกอย่างที่หยิบฉวยได้ และไล่ให้ 'คนๆ นั้น' ออกจากบ้านไป ผมคว้าแขนท่านไว้ ก่อนใช้อ้อมแขนของผมโอบกอดท่าน หวังให้ท่านสงบลง แต่คุณแม่กลับเหวี่ยงตัวเอง กระทืบเท้า สลัดตัวเองออกจากอ้อมกอดและผลักผมให้กระเด็นออกไปด้วยพลังช้างสาร ที่หญิงชราอายุหกสิบปี น้ำหนักเพียงสี่สิบสองกิโลกรัมไม่ควรจะมี ท่านหันมามองผมด้วยแววตาดุกร้าว แล้วตะโกนถามว่า "แกเป็นใคร ?" แล้วท่านวิ่งออกไปหาประตูหน้าบ้าน โชคดีผมได้ล๊อคไว้ แต่คุณแม่ก็ทุบประตูตรงตาข่ายมุ้งลวดกันยุงจนขาด
ตลอดทั้งคืน ผมพยายามพาคุณแม่กลับมาที่เตียงนอน กล่อมให้ท่านสงบลง เปิดเพลงเบาๆ ให้ท่านฟัง สักพักไม่นานท่านก็จะเริ่มอาการใหม่ ในบางครั้งผมก็ควบคุมสถานการณ์ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ตลอดทั้งคืน ท่านไม่หลับ และผมก็นอนเคียงข้างคอยประคับประคองอารมณ์ไม่ให้พลุ่งพล่าน
จนกระทั่งรุ่งเช้า คงเพราะความอ่อนเพลียผสมกับฤทธิ์ของยา ท่านจึงสงบลงและหลับตาพริ้ม ผมจึงค่อยๆ ถอนตัวออกมาจากเตียงนั้น ให้ท่านพักผ่อนลำพัง
ส่วนผมออกมานอนบนตั่งไม้หน้าบ้านนี้ ผมก็อ่อนเพลียไม่แพ้ท่าน ในขณะจิตที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้น ผมก็เข้าสู่ความฝัน ผมฝันเห็นเด็กชายตัวเล็กๆ คนนั้นซึ่งเป็นผม เดินจับมือคุณแม่ที่ยังสาวและสดใส ท่านมารับผมกลับจากโรงเรียนอนุบาล แล้วจู่ๆ ตัวผมก็โตขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง เห็นภาพตัวเองถูกแม่ใช้แปรงพลาสติกตีที่ขา เพราะผมพูดจาไม่เพราะ แล้วผมก็เปลี่ยนชุดกลายเป็นใส่ชุดลูกเสือ ยืนดูผลสอบเข้าโรงเรียนสาธิตฯ กับแม่ แล้วภาพในความฝันก็นับย้อนอดีตความทรงจำที่ผมมีต่อแม่ ตั้งแต่เด็กจนโต นับได้เลยว่ามีไม่ถึงสิบเรื่อง
ผมหลับไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบได้ แต่ทันใดนั้นผมก็สะดุ้งตื่น เพราะรู้สึกได้ว่ามีผ้าห่มมาคลุมกายให้ผมได้คลายความหนาว เมื่อผมลืมตาขึ้น จึงเห็นใบหน้าของแม่ ที่ดวงตาคู่นั้นกำลังจ้องมองผมอยู่ สื่อแทนคำพูดได้ทันทีว่าท่านกำลังจะบอกอะไรกับผม เนิ่นนานมาแล้ว ที่แม่เสียทักษะการพูดเป็นประโยคยาวๆ แต่เช้าวันนี้ แม่ลุกขึ้นมาหาผ้าห่มมาห่มให้ผม แล้วพูดได้แต่เพียงว่า "ลูกหนาว...นอนนะ...นอน"
ผมพลันลุกขึ้นโผกอดแม่ด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น แล้วร่ำไห้ดุจดังคนเสียสติไปเสียเอง คุณแม่ที่ถูกธรรมชาติบังคับให้ลืม แม้สิ่งที่ตัวเองอยากจำ ยังคงหลงเหลือความจำอยู่สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อว่า ด้วยพลังสายใยแห่งความผูกพันธ์นั้น ไม่อาจพรากความรักของแม่และลูก แม่ยังคงจำผมได้ และท่านยังสามารถนำมาห่มผ้าห่มให้ผมได้ เหมือนทุกครั้งในสมัยก่อนที่ผมเป็นเด็ก ทั้งๆ ที่ท่านสูญเสียทักษะในการทำสิ่งเหล่านี้ไปนานแล้ว ตั้งแต่อาการของโรคมีมากขึ้น เพราะความรักใช่ไหม ที่ทำให้ท่านกลับมาปฏิบัติต่อผมเหมือนเดิม ไม่ใช่เหมือนคนที่ไม่รู้จักอย่างเมื่อคืนที่ผ่านมา ด้วยพลังแห่งรักของคนที่ผูกพันธ์กันใช่ไหม ที่เป็นยารักษาโรคขนานเอก ที่แม้แต่ตัวยาสุดแสนแพงแค่ไหนก็มิอาจให้ผลสัมฤทธิ์ได้
ที่ผมร้องไห้ เพราะผมละอายแก่ใจตัวเอง หากที่ผมได้ฝันไปเมื่อครู่นี้ เป็นความทรงจำทั้งหมดที่ผมมีกับคุณแม่ ผมผู้ซึ่งมีสมองปรกติดี ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง สติสัมปชัญญะครบถ้วน กลับจดจำเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับท่านได้น้อยเหลือเกิน
เปรียบเทียบกับคุณแม่ ที่ธรรมชาติได้ถอดถอนความทรงจำออกไปหมดแล้ว แต่ท่านยังคงฝืนชะตาฟ้า ขอเพียงให้ท่านยังจำได้ว่าผมคือลูกของท่านและท่านยังพยายามที่จะปฏิบัติกับผม เฉกเช่นแม่คนหนึ่งที่ยังคงหวงห่วงลูกอยู่ไม่ห่าง
ผมถือว่าคุณแม่ผมได้ใช้ความพยายามอย่างมาก ที่จะไม่ยอมให้อะไรก็ตามมาพรากความทรงจำของเราสองคนแม่ลูกไป
ผมละอายแก่ใจเหลือเกิน ผมรักแม่...ผมจะดูแลแม่เองนะ...
คุณล่ะครับ...จำอะไรเกี่ยวกับคุณพ่อคุณแม่ได้บ้าง...
|
|
|